คุณภาพอากาศใน Mountain View

*แปลโดยใช้การแปลด้วยเครื่อง

อากาศในเมาน์เทนวิวมีมลพิษแค่ไหน?

ในปี 2019 Mountain View มีค่าเฉลี่ยคะแนนดัชนีคุณภาพอากาศ (AQI) ที่28 ซึ่งจะเป็นไปตามคุณสมบัติของ US Environmental Protection Agency (EPA) สำหรับ "ดี" แม้จะมีสถานะที่ดีโดยรวม แต่คุณภาพอากาศของ Mountain View จะแตกต่างกันไปในแต่ละวันโดยมีระดับมลพิษตั้งแต่การให้คะแนนที่“ดี” ส่วนใหญ่ไปจนถึงการให้คะแนน“ ไม่ดีต่อสุขภาพ” และ“ ไม่ดีต่อสุขภาพ” เป็นครั้งคราว

มลพิษรายวันหรือระยะสั้นจะถูกประเมินโดยจำนวนวันต่อปีที่ถือว่าไม่ดีต่อสุขภาพ EPA ของสหรัฐฯตั้งเป้าหมายไว้ที่ค่าเผื่อรายปีไม่เกิน 3.2 วัน PM2.5 ที่ไม่ดีต่อสุขภาพและ 3.2 วันโอโซนที่ไม่ดีต่อสุขภาพ ระหว่างปี 2559-2561 เมาน์เทนวิวมีค่าเฉลี่ยของวันคุณภาพอากาศที่ไม่ดีต่อสุขภาพรวม 13 วันต่อปีโดย10.2 มีสาเหตุมาจากมลพิษ PM2.5 (จึงถือว่า "ไม่ได้รับการระบาย" เกินขีด จำกัด3.2 วัน) และ 2.8 วันที่มีสาเหตุมาจาก มลพิษโอโซน (จึงพบกับ“ การบรรลุ”)¹

มลพิษอนุภาคหรือ PM2.5 เป็นหลักในการโทษสำหรับMountain View ของคุณภาพอากาศที่ลังเล ระดับ PM2.5 มีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจนในช่วงฤดูหนาวอันเป็นผลมาจากการเผาไม้ในบ้านและการผกผันของอุณหภูมิ (เหตุการณ์สภาพอากาศที่ดักจับมลพิษ) รวมทั้งในฤดูร้อนและฤดูใบไม้ร่วงเป็นระยะ ๆ อันเป็นผลมาจากไฟป่า

ในปี 2019 เดือนที่มีมลพิษ PM2.5 มากที่สุดของ Mountain View คือเดือนพฤศจิกายนและมกราคม เดือนนี้มีค่าเฉลี่ยความเข้มข้นของ PM2.5 15.9 μg/m³ (“ปานกลาง”) และ 13.2 μg/m³ (“ปานกลาง”) ตามลำดับประมาณสองเท่าของค่าเฉลี่ยรายเดือนประจำปีของ 6.7 μg/m³

เมืองใกล้เคียงที่ได้รับผลกระทบจากควันไฟป่าก็มีแนวโน้มเช่นเดียวกัน ที่ใกล้ที่สุดของเหล่านี้รวมทั้งพาโลอัลโตเรดวูดซิตี้, และซานโฮเซ่, มักจะค่าโดยสารเพียงเล็กน้อยดีกว่าค่าเฉลี่ย Mountain View:

• คุณภาพอากาศในฟรีมอนต์: เฉลี่ยปี 2019: 7.5 μg/m³ ; 2019 สูงสุดต่อเดือน: พฤศจิกายน 19.1 μg/m³
• คุณภาพอากาศในซานฟรานซิสโก: เฉลี่ยปี 2019: 7.1 μg/m³ ; 2019 สูงสุดต่อเดือน: พฤศจิกายน 14.5 μg/m³
• คุณภาพอากาศ Palo Alto: เฉลี่ยปี 2019: 6.5 μg/m³ ; 2019 สูงสุดต่อเดือน: พฤศจิกายน 15.9 μg/m³ (มกราคมมีคุณภาพอากาศ "ปานกลาง" 13.4 μg/m³)
• คุณภาพอากาศ San Jose: เฉลี่ยปี 2019: 6.4 μg/m³ ; 2019 สูงสุดต่อเดือน: พฤศจิกายน 15.9 μg/m³
• คุณภาพอากาศ Redwood City: เฉลี่ยปี 2019: 6.3 μg/m³ ; 2019 สูงสุดต่อเดือน: พฤศจิกายน15 μg/m³

Mountain View คุณภาพอากาศเป็นทำความสะอาดโดยเฉลี่ยใน เพื่อคุณภาพอากาศในฟรีมอนต์และซานฟรานซิสทั้งเมืองใหญ่มากกับผู้อยู่อาศัยมากขึ้นในอุตสาหกรรมและการจราจร

ในขณะที่มลพิษ PM2.5 ในระยะสั้นเป็นมาตรการเดียวที่ซานตาคลาราเคาน์ตี้ไม่สามารถบรรลุความสำเร็จของรัฐบาลกลางได้ แต่ระดับโอโซนในระยะสั้นก็เป็นสิ่งที่น่ากังวลเช่นกัน โอโซนแตกต่างจาก PM2.5 ตรงที่เป็นก๊าซมลพิษและไม่ได้ถูกปล่อยออกสู่ชั้นบรรยากาศโดยตรง แต่จะเกิดขึ้นเมื่อสารมลพิษหลักทำปฏิกิริยาต่อหน้าแสงแดดและความร้อน (อุณหภูมิมากกว่า 84 ° F)

เนื่องจากคุณลักษณะหลังนี้ทำให้โอโซนไม่แพร่หลายในบริเวณอ่าว สภาพอากาศที่อบอุ่นเช่นนี้ค่อนข้างหายากในสภาพอากาศปานกลางของ Mountain View เดือนที่มีอากาศอบอุ่นที่สุดคือกันยายนอุณหภูมิโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 78 ° F ² ในขณะที่อุณหภูมิที่อุ่นขึ้นมักเกิดขึ้นไม่บ่อยนักและด้วยเหตุนี้ระดับโอโซนใน Mountain View มักจะยังคงอยู่ในช่วงที่ถือว่าดีต่อสุขภาพ ถึงกระนั้นซานตาคลาราเคาน์ตี้มีค่าโอโซนที่ไม่ดีต่อสุขภาพเฉลี่ย 2.8 วันต่อปีและบ่อยกว่านั้นช่วงเวลาที่สั้นกว่า (ชั่วโมง) ในช่วงที่อากาศร้อนของวันในฤดูร้อนอาจถึงระดับที่ไม่ดีต่อสุขภาพ

สิ่งที่ทำให้เกิดมลพิษทางอากาศใน Mountain View ?

Mountain View เป็นเมืองเล็ก ๆ ใจกลาง Silicon Valley ห่างจาก San Jose ไปทางตะวันตกเฉียงเหนือเพียง 13 ไมล์ ชื่อสำหรับมุมมองของเทือกเขาซานตาครูซ, คุณภาพอากาศใน Mountain View มีรูปร่างโดยส่วนใหญ่ตั้งทางภูมิศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับมลพิษ- การวางกับดักสภาพทางภูมิศาสตร์และสภาพอากาศเหตุการณ์เช่นเดียวกับการปล่อยข้ามพรมแดนจากเมืองใกล้เคียงนอกเหนือจากการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในท้องถิ่น

กล่าวง่ายๆคือมลพิษทางอากาศเป็นผลมาจากการปล่อยมลพิษ ใน Mountain View แหล่งที่มาของการปล่อยก๊าซทั่วไป ได้แก่ :

• ก๊าซขับเคลื่อนมอเตอร์เครื่องยนต์, รวมทั้งรถยนต์รถบรรทุกอุปกรณ์ก่อสร้างเรือและมีบริการเรือต่างๆ
• ความต้องการสำหรับการผลิตพลังงานผ่านฟอสซิลเชื้อเพลิง, เช่นการผลิตอุตสาหกรรมและการใช้พลังงานในครัวเรือน
• การเผาไม้ในฤดูหนาว
• ไฟป่า

ในขณะที่มลพิษทางอากาศถูกสร้างขึ้นโดยการปล่อยมันมักจะเป็นสภาพอากาศและภูมิศาสตร์คุณสมบัติ, เช่นเป็นองค์กรขนาดใหญ่ของน้ำและภูเขา, ที่มีผลต่อการแพร่กระจายมลพิษและระดับคุณภาพอากาศจึงบอกให้เขียนส่วนใหญ่

ตำแหน่งที่ตั้งของเมาน์เทนวิวบนชายฝั่งตะวันตกเฉียงใต้ของอ่าวซานฟรานซิสโกทำให้เมืองนี้มีแนวโน้มที่จะผกผันทางทะเลซึ่งเป็นเหตุการณ์สภาพอากาศที่อากาศเย็นระดับผิวน้ำที่สร้างโดยมหาสมุทรแปซิฟิกจะติดอยู่ใต้ชั้นอากาศที่อุ่นกว่าด้านบน ³ ในกรณีของเมาน์เทนวิวโดยทั่วไปแล้วอากาศอุ่นจะไหลผ่านเทือกเขาซานตาครูซหรือเทือกเขาดิอาโบลทำให้เกิด "ฝา" เหนืออากาศที่ระดับผิวน้ำเย็นซึ่งพัดมาโดยลมทะเล

การผกผันทางทะเลในเมาน์เทนวิวอาจทำให้มลพิษทางอากาศสะสมและคงอยู่ในบรรยากาศชั้นล่างจนกว่าสภาพอากาศจะเปลี่ยนแปลงทำให้ระดับมลพิษทั่วเมืองสูงขึ้นอย่างมาก

เมาน์เทนวิวแคลิฟอร์เนียได้รับผลกระทบจากไฟไหม?

แม้จะมีความก้าวหน้าในการทำความสะอาดอากาศมานานหลายทศวรรษ แต่เมื่อเร็ว ๆ นี้เมาน์เทนวิวก็ประสบปัญหาคุณภาพอากาศที่ซบเซาหรือแย่ลงเนื่องจากการวัดค่า PM2.5 และมลพิษโอโซน การปิดล้อมไฟป่าที่คุ้นเคยมากขึ้นในฤดูร้อนและฤดูใบไม้ร่วงเป็นเรื่องที่น่าตำหนิมาก

ไฟป่าก่อให้เกิดควันจำนวนมหาศาลซึ่งเป็นการรวมกันของอนุภาคโดยรอบ (PM2.5 และ PM10) และก๊าซ (คาร์บอนมอนอกไซด์ไนโตรเจนไดออกไซด์ฟอร์มาลดีไฮด์และอะซิทัลดีไฮด์) ซึ่งสามารถเดินทางได้หลายพันตารางไมล์ ธรรมชาติที่กว้างใหญ่ของไฟป่าและกลุ่มควันที่เกิดขึ้นส่งผลกระทบต่อคุณภาพอากาศทั่วทั้งแคลิฟอร์เนียและบริเวณอ่าวซึ่งอาจมีนัยสำคัญที่สุด

ความกังวลส่วนใหญ่ไม่ใช่การเกิดไฟป่าซึ่งเป็นเรื่องธรรมชาติและจำเป็นต่อระบบนิเวศของเรา แต่แนวโน้มล่าสุดบ่งชี้ว่าไฟป่ากำลังแพร่หลายและรุนแรงมากขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

แบบจำลองการคาดการณ์คาดการณ์ว่าภายในปี 2593 การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศจะทำให้พื้นที่โดยเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 54 เปอร์เซ็นต์ที่ถูกไฟป่าเผาในขณะเดียวกันก็จะยกระดับ PM2.5 ในฤดูร้อนขึ้น 30 ถึง 40 เปอร์เซ็นต์ในอเมริกาตะวันตก ⁴

เกือบครึ่งหนึ่งของ 20 ไฟป่าที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของรัฐแคลิฟอร์เนียได้เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2017⁵ สิงหาคมไฟคอมเพล็กซ์ 2020จุดประกายโดยการล้อมฟ้าผ่านัดประมาณ 140 ไมล์จาก Mountain View กลายเป็นไฟป่าบันทึกใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของรัฐแคลิฟอร์เนีย ระดับมลพิษในเมาน์เทนวิวและบริเวณอ่าวที่ใหญ่กว่านั้นสูงกว่าช่วงท้องถิ่นทั่วไปเป็นเวลาหลายสัปดาห์ต่อครั้ง

ในขณะที่ปี 2017, 2018 และ 2020 เป็นปีที่ทำลายสถิติทั้งหมดสำหรับไฟป่าปี 2019 นั้นค่อนข้างไม่รุนแรง ผลกระทบของฤดูกาลที่ไม่รุนแรงนี้เห็นได้ชัด สถานที่ในบริเวณ Bay Area มีแนวโน้มที่จะสัมผัสระดับ PM2.5 ครึ่งหนึ่งในปี 2019 เมื่อเทียบกับปี 2018 เช่นในซานฟรานซิสโกมีค่าเฉลี่ยความเข้มข้นของ PM2.5 ที่ 12.5 μg/m³ ในปี 2018 เทียบกับเพียง 7.1 μg/m³ ในปี 2019 ในทำนองเดียวกันซานโฮเซ่มีความเข้มข้นของ PM2.5 ที่ 12.4 μg/m³ ในปี 2018 และ 6.4 μg/m³ ในปี 2019

การหายใจควันไฟป่าเป็นระยะเวลานานอาจทำให้เกิดอาการระคายเคืองต่อระบบทางเดินหายใจและหายใจลำบากรวมทั้งผลกระทบระยะยาวที่รุนแรงขึ้น ได้แก่ การทำงานของปอดลดลงการอักเสบหลอดลมอักเสบโรคหัวใจและการเสียชีวิตในระยะเริ่มต้น ผลเสียต่อสุขภาพมักจะเลวร้ายโดยเฉพาะอย่างยิ่งในเด็กผู้สูงอายุและภาวะหัวใจและปอดที่มีอยู่ก่อนแล้ว

ในช่วงฤดูไฟป่าของแคลิฟอร์เนียซึ่งครอบคลุมตั้งแต่เดือนกรกฎาคมถึงเดือนพฤศจิกายนโปรดปฏิบัติตามข้อมูลคุณภาพอากาศแบบเรียลไทม์ใน Mountain View และปฏิบัติตามคำแนะนำด้านสุขภาพที่แนะนำ

คุณภาพอากาศใน Mountain View แย่ลงหรือไม่?

แม้ว่าคุณภาพอากาศของ Mountain View จะดีขึ้นอย่างมากในช่วงสามทศวรรษที่ผ่านมา แต่แนวโน้มล่าสุดแสดงให้เห็นว่าระดับมลพิษทางอากาศนิ่งหรือแย่ลงสำหรับเมตริกโอโซนและ PM2.5

ในขณะที่ความถี่ของวันที่มีโอโซนไม่แข็งแรงลดลง 84 เปอร์เซ็นต์จาก 20 วันที่ไม่แข็งแรงต่อปีระหว่างปี 2539 ถึง 2541 เหลือ 3.2 วันที่ไม่แข็งแรงต่อปีระหว่างปี 2549 ถึง 2551 โอโซนเพิ่มขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานับตั้งแต่จุดต่ำสุดในปี 2554 ถึง ระยะเวลาการตรวจสอบ 2013 การเปลี่ยนแปลงนี้เป็นผลมาจากการเติบโตของประชากรทั้งในภูมิภาคซึ่งเพิ่มความแออัดของการจราจรและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศซึ่งได้สร้างสภาวะอุณหภูมิที่เหมาะสมยิ่งขึ้นสำหรับการก่อตัวของโอโซน

PM2.5 ยังได้รับการปรับปรุงอย่างมีนัยสำคัญในระยะยาว แต่ก็แย่ลงในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยรวมแล้วความถี่ของ PM2.5 ที่ไม่ดีต่อสุขภาพลดลง 51 เปอร์เซ็นต์จาก 20.8 วันที่ไม่แข็งแรงต่อปีระหว่างปี 2543 ถึง 2545 เหลือ 10.2 วันที่ไม่แข็งแรงต่อปีระหว่างปี 2549 ถึง 2551 ระดับต่างๆเพิ่มขึ้นอย่างมากอย่างไรก็ตามตั้งแต่จุดต่ำสุดในช่วงปี 2557 ถึง ระยะเวลาการเฝ้าติดตามปี 2559 (1.8 วันที่ไม่แข็งแรง) อันเป็นผลมาจากไฟป่าทำลายสถิติในปี 2017, 2018 และ 2020

Mountain View กำลังทำอะไรเพื่อปรับปรุงคุณภาพอากาศ?

พลังงานหมุนเวียนจากแหล่งพลังงานแสงอาทิตย์ลมความร้อนใต้พิภพและชีวมวลเป็นพลังงานที่ไม่มีการปล่อยก๊าซจึงช่วยประหยัดสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของประชาชนได้มาก การหลีกเลี่ยงการเผาไหม้เชื้อเพลิงฟอสซิลสกปรกและไปสู่กระแสไฟฟ้าที่ผลิตโดยพลังงานหมุนเวียนอาจส่งผลกระทบมากที่สุดในการปรับปรุงระดับคุณภาพอากาศเฉลี่ยรายวัน

ในปี 2558 การปล่อยก๊าซทั้งหมดของเมาน์เทนวิว19.8 เปอร์เซ็นต์มาจากการใช้ไฟฟ้า⁶ ตั้งแต่นั้นมา Silicon Valley Clean Energy (SVCE) ได้เข้าสู่ตลาดโดยให้บริการไฟฟ้าหมุนเวียน 100 เปอร์เซ็นต์ ในปี 2560 การปล่อยก๊าซเรือนกระจกลดลงเหลือ 10.2 เปอร์เซ็นต์อันเป็นผลมาจากการผสมผสานพลังงานที่หลากหลายมากขึ้น

ภายใต้การประชุมบิล 117 ผ่านในปี 2002, วิวภูเขาที่อาศัยอยู่มีการลงทะเบียนโดยอัตโนมัติกลายเป็น“ GreenStart ” โปรแกรมซึ่งร้อยละ 50 ของพลังงานจากแหล่งพลังงานทดแทนให้โดย Svce ผู้อยู่อาศัยยังมีตัวเลือกในการเลือกตัวเลือกทดแทน 100 เปอร์เซ็นต์โดยมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมหรือเลือกไม่เข้าร่วมโปรแกรมโดยสิ้นเชิง อัตโนมัติลงทะเบียน“ GreenStart ” โปรแกรมมีราคาถูกที่สุดในสามตัวเลือก

นอกเหนือจากการขยายการเข้าถึงพลังงานหมุนเวียนแล้ว Mountain View ยังได้ลงทุนในการส่งเสริมตัวเลือกการขนส่งที่สะอาดเช่นช่องทางจักรยานระบบขนส่งสาธารณะและสถานีชาร์จเพื่อส่งเสริมการเปลี่ยนไปใช้ยานพาหนะไฟฟ้า ⁷ ปัจจุบันการขนส่งคิดเป็นประมาณ 60 เปอร์เซ็นต์ของการปล่อยมลพิษทั้งหมดในเมาน์เทนวิวทำให้ตัวเลือกการขนส่งที่สะอาดขึ้นเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการลดระดับมลพิษในเมือง

+ แหล่งข้อมูลบทความ

[1] American Lung Association. (2020). State of the Air – 2020.
[2] U.S. Climate Data. (2020). Mountain View.
[3] Takahashi D. (2020, September 10). Why San Francisco had an apocalyptic orange sky. Venture Beat.
[4] Indoor Air Quality - Scientific Findings Resource Bank. (2020). Wildfires. Berkeley Lab.
[5] Cal Fire. (2020, November 3). Top 20 largest California wildfires.
[6] City of Mountain View. (2020). Renewable energy.
[7] City of Mountain View. (2020). Transportation.