คุณภาพอากาศใน Santa Cruz

*แปลโดยใช้การแปลด้วยเครื่อง

คุณภาพอากาศใน Santa Cruz เป็นอย่างไรตอนนี้?

ซานตาครูซเป็นเมืองชายฝั่งที่ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของอ่าวมอนเทอเรย์ โดยทั่วไปแล้วคุณภาพอากาศที่นี่ถือว่าดีต่อสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศของเมืองที่อยู่ติดทะเลประชากรค่อนข้างน้อยประมาณ 70,000 คนและมีกิจกรรมทางอุตสาหกรรมที่เบาบาง ในขณะที่การปล่อยมลพิษรายวันและการวัดคุณภาพอากาศในซานตาครูซนั้นค่อนข้างต่ำ แต่ช่วงเวลาสั้น ๆ ของ PM2.5 และมลพิษจากโอโซนอาจส่งผลให้อากาศไม่แข็งแรง

ฝุ่นละอองขนาดเล็กหรือ PM2.5 หมายถึงอนุภาคในอากาศที่มีส่วนประกอบและแหล่งกำเนิดทางเคมีที่หลากหลายซึ่งมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 2.5 ไมโครเมตรหรือเล็กกว่า เนื่องจากอนุภาคเหล่านี้มีขนาดเล็กจิ๋วจึงสามารถเจาะลึกเข้าไปในปอดและดูดซึมเข้าสู่ระบบไหลเวียนโลหิตของร่างกายทำให้เกิดความเสียหายอย่างกว้างขวาง

แหล่งที่มาของ PM2.5 ได้แก่ การเผาไหม้เชื้อเพลิงฟอสซิล (เช่นในยานยนต์และอุตสาหกรรม) การเผาไม้ไฟป่าและฝุ่นลมจากสถานที่เกษตรกรรมหรือการก่อสร้างเป็นต้น ซานตาครูซมีค่าเฉลี่ยความเข้มข้นของ PM2.5 ที่ดีต่อสุขภาพโดยรวม ในปี 2017, 2018 และ 2019 ความเข้มข้นของ PM2.5 ต่อปีอยู่ที่ 7.5 μg / m³, 8.5 μg / m³ และ 6.5 μg / m³ ตามลำดับจึงเป็นไปตามมาตรฐานของสหรัฐอเมริกาที่ 12 μg / m³ รวมทั้งอนามัยโลกที่เข้มงวดมากขึ้น มาตรฐานองค์การ (WHO) 10 μg / m³

อย่างไรก็ตามซานตาครูซไม่เป็นไปตามข้อกำหนดของรัฐบาลกลางสำหรับ PM2.5 ในระยะสั้นหรือ 24 ชั่วโมง ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาไฟป่าได้สร้างมลพิษทางอากาศ PM2.5 ที่ไม่ดีต่อสุขภาพในช่วงหลายวันที่ผ่านมาและแม้กระทั่งหลายสัปดาห์ ตั้งแต่ปี 2559-2561 มีค่าเฉลี่ย 5.2 วันที่ถือว่าไม่ดีต่อสุขภาพสำหรับมลพิษ PM2.5 ในซานตาครูซซึ่งเกินค่าเผื่อของรัฐบาลกลาง 3.2 วัน²

โอโซนเป็นอีกหนึ่งมลพิษที่น่ากังวลสำหรับเมืองแม้ว่าระดับจะอยู่ในระดับที่รัฐบาลกลางสามารถบรรลุได้นับตั้งแต่เริ่มมีการตรวจสอบในปี 2539 ในขณะที่ซานตาครูซมักประสบกับโอโซนสูงในระดับ“ ปานกลาง” แต่ก็มีประสบการณ์เฉลี่ย 0.3 วันต่อปีเท่านั้นซึ่งทำให้“ ไม่แข็งแรง สำหรับกลุ่มที่อ่อนไหว” หรือแย่กว่านั้น

การหายใจเอาอากาศเสียอาจทำให้เกิดผลกระทบในระยะยาวรวมทั้งโรคหัวใจและปอดมะเร็งและการเสียชีวิตในระยะเริ่มต้น การตรวจสอบข้อมูลคุณภาพอากาศสดของ Santa Cruz เป็นสิ่งสำคัญยิ่งในการตัดสินใจอย่างชาญฉลาดเพื่อลดการสัมผัสมลพิษ ในขณะที่องค์การอนามัยโลกเตือนว่าไม่มีมลพิษทางอากาศในระดับใดที่แสดงให้เห็นว่าปราศจากผลกระทบต่อสุขภาพ แต่ส่วนใหญ่จะมีสุขภาพดีโดยดำเนินการเมื่อ AQI ของซานตาครูซเกิน 101 หลังจากเกณฑ์นี้คุณภาพอากาศจะถือว่า“ ไม่ดีต่อสุขภาพสำหรับกลุ่มที่อ่อนไหว” และอื่น ๆ ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงกับผู้ใหญ่ที่มีอายุมากกว่า 65 ปีเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปีและผู้ที่มีภาวะหัวใจและปอดอยู่ก่อนแล้ว

ซานตาครูซเคาน์ตี้ซึ่งมีประชากรประมาณ 4 เท่าของซานตาครูซมีผู้อยู่อาศัย 22,188 คนที่เป็นโรคหอบหืด 25,924 คนเป็นโรคหัวใจและปอดเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี 52,852 คนและ 45,127 คนที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไปซึ่งถือว่าอยู่ที่ - เสี่ยงต่อมลภาวะทางอากาศของ“ ส้ม”

ไฟป่าส่งผลต่อคุณภาพอากาศในซานตาครูซหรือไม่?

วันที่มีมลพิษมากที่สุดของซานตาครูซมักเกิดจากไฟป่า ในช่วงการเฝ้าติดตามปี 2559 ถึง 2561 พารามิเตอร์คุณภาพอากาศเพียงอย่างเดียวที่ซานตาครูซไม่สามารถปฏิบัติตามได้คือค่าเผื่อมลพิษ PM2.5 ระยะสั้นของรัฐบาลกลาง ซานตาครูซเคาน์ตี้ประสบปัญหา PM2.5 ที่ไม่ดีต่อสุขภาพเฉลี่ย 5.2 วันต่อปีในขณะที่ EPA ของสหรัฐฯกำหนดเป้าหมายไม่เกิน 3.2

ในปี 2019 เดือนพฤศจิกายนเป็นเดือนที่มีมลพิษมากที่สุดของซานตาครูซโดยมีค่าเฉลี่ยความเข้มข้นของ PM2.5 อยู่ที่ 12.9 ไมโครกรัม / ลบ.ม. ซึ่งมากกว่า 2 เท่าของค่าเฉลี่ยของเดือนอื่น ๆ ทั้งหมด (5.7 ไมโครกรัม / ลบ.ม. ) การเพิ่มขึ้นอย่างมากของ PM2.5 โดยรอบนี้เกิดขึ้นพร้อมกับ Kincade Fire ซึ่งเป็นไฟที่ใหญ่ที่สุดของปีซึ่งเผา 77,758 เอเคอร์ใน Sonoma County ภายในวันที่ 6.² พฤศจิกายนอย่างไรก็ตามในทุกบัญชีปี 2019 เป็นปีที่ไม่รุนแรงสำหรับไฟป่า ปี 2017, 2018 และ 2020 ล้วนมีฤดูกาลที่เกิดไฟป่าที่รุนแรงมากขึ้นและส่งผลให้ค่าเฉลี่ยของ PM2.5 สูงขึ้น

ในปี 2020 แคลิฟอร์เนียประสบความสำเร็จอย่างน่าสยดสยองโดยมีพื้นที่เผากว่า ³ ล้านเอเคอร์ในปีนี้ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ใหญ่กว่ารัฐคอนเนตทิคัตไฟป่าหลายครั้งได้รับการจัดอันดับให้เลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ของรัฐ ไฟป่าที่ใหญ่ที่สุดในแคลิฟอร์เนียเป็นจุดสูงสุดคือ August Complex Fire ที่ลุกโชนผ่านป่าสงวนแห่งชาติ Mendocino เผา 846,812 เอเคอร์ภายในปลายเดือนกันยายน SCU Lightning Complex และ LNU Lightning Complex เกิดเพลิงไหม้ทั้งสองจุดโดยพายุฟ้าผ่าแบบแห้ง "ฟ้าผ่าล้อม" กลายเป็นไฟป่าแคลิฟอร์เนียที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 3 และ 4 ตามลำดับ

ในช่วงเดือนกันยายน 2020 ในขณะที่ไฟป่าแต่ละครั้งโหมกระหน่ำซานตาครูซประสบปัญหาคุณภาพอากาศ“ ไม่ดีต่อสุขภาพ” ติดต่อกัน 5 วัน (10 ถึง 14 กันยายน) และคุณภาพอากาศ 2 สัปดาห์ไม่เป็นไปตามมาตรฐาน EPA“ ดี” ของสหรัฐอเมริกา ( 2 ถึง 15 กันยายน)

ใช้แผนที่คุณภาพอากาศ IQAir Santa Cruz เพื่อดูว่าคุณภาพอากาศทั่วเมืองกำลังได้รับผลกระทบจากไฟป่าหรือไม่ ไฟจะถูกตรึงไว้บนแผนที่ตามการสังเกตการณ์ทางดาวเทียมที่จัดทำโดยข้อมูลไฟสำหรับระบบการจัดการทรัพยากร (FIRMS) ของ NASA เมื่อลมและมลพิษทางอากาศในแผนที่ความร้อนสอดคล้องกันและดูเหมือนว่าจะพัดเข้าหาซานตาครูซจากไฟป่าที่เกิดขึ้นเป็นไปได้ที่จะกล่าวได้ว่าอากาศได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์มลพิษ

มีควันในซานตาครูซหรือไม่?

โดยทั่วไปแล้วควันจะมีความเข้มข้นสูงอันเป็นผลมาจากการเผาไหม้ชีวมวลจากเตาไม้ไฟป่าและกิจกรรมอื่น ๆ เมื่อชีวมวลเช่นต้นไม้และพุ่มไม้ป่าไหม้สารพิษในอากาศจะถูกปล่อยออกมารวมทั้งฝุ่นละออง (PM2.5 และ PM10) คาร์บอนมอนอกไซด์และไนโตรเจนไดออกไซด์ ในจำนวนนี้ฝุ่นละอองขนาดเล็กหรือ PM2.5 มีอยู่ในระดับ AQI สูงสุดของแต่ละบุคคลดังนั้นจึงเป็นตัวบ่งชี้ที่ดีที่สุดสำหรับควันในซานตาครูซ

มลพิษทางอากาศจากควันไม่มีให้เห็นเสมอไป บางครั้งควันสามารถเดินทางจากแหล่งกำเนิดได้หลายร้อยถึงหลายพันไมล์ทำให้ระดับมลพิษทางอากาศในสถานที่ห่างไกลเพิ่มขึ้น ปฏิบัติตามคำแนะนำด้านคุณภาพอากาศสดของซานตาครูซสำหรับข้อมูลสุขภาพที่เกี่ยวข้อง

ดัชนีคุณภาพอากาศ (AQI) ของ EPA ของสหรัฐฯสรุปสภาวะคุณภาพอากาศโดยรวมโดยการแปลระดับความเข้มข้นของมลพิษทางอากาศที่สำคัญ 6 ชนิดให้เป็นค่าเดียว เมื่อสเกลรหัสสีถึง“ สีส้ม” หรือ AQI เกิน 101 อากาศจะถือว่าไม่ดีต่อสุขภาพสำหรับกลุ่มเสี่ยงรวมถึงผู้ที่เป็นโรคหัวใจและปอดเด็กและผู้สูงอายุ มลพิษทางอากาศที่ได้รับการจัดอันดับสูงกว่า AQI ที่ 151 ถือว่าไม่ดีต่อสุขภาพสำหรับประชากรทั้งหมด

ซานตาครูซเป็นอย่างไรสำหรับมลพิษโอโซน?

โอโซนหรือที่เรียกกันโดยทั่วไปว่า“ หมอกควัน” เป็นก๊าซมลพิษที่มีฤทธิ์กัดกร่อนสูงซึ่งมักมีอยู่ในระดับที่เป็นอันตรายทั่วเมืองในสหรัฐอเมริกา ถือเป็นมลพิษที่ค่อนข้างยากในการจัดการเนื่องจากไม่ได้ถูกปล่อยออกมาโดยตรง แต่เกิดขึ้นในอากาศจากสารมลพิษที่เป็นสารตั้งต้นโดยรอบซึ่งทำปฏิกิริยากับแสงแดด

ส่วนประกอบที่จำเป็นสำหรับการสร้างโอโซน ได้แก่ :

• ไนโตรเจนไดออกไซด์ (NO₂): ส่วนใหญ่ปล่อยออกมาจากไอเสียของรถยนต์และการเผาไหม้เชื้อเพลิงฟอสซิลตลอดจนกิจกรรมทางอุตสาหกรรมการผลิตเชิงพาณิชย์และการผลิตอาหาร
• สารประกอบอินทรีย์ระเหยง่าย (VOCs): การเผาไหม้เชื้อเพลิงจากยานพาหนะกระบวนการทางอุตสาหกรรมและแหล่งที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติเช่นฟาร์มเลี้ยงวัวพืชและการเผาไหม้ชีวมวล
• แสงแดดและความร้อน: รังสี UV และอุณหภูมิมากกว่า 84 องศา

โดยทั่วไปอุณหภูมิสูงในซานตาครูซจะเกิดขึ้นในช่วงฤดูใบไม้ร่วงไม่ใช่ฤดูร้อนเหตุการณ์ที่เรียกว่าฤดูร้อนของอินเดีย เป็นผลให้ฤดูโอโซนสูงสุดของซานตาครูซครอบคลุมตั้งแต่เดือนสิงหาคมถึงตุลาคมซึ่งเป็นช่วงที่เมืองนี้มีอุณหภูมิที่อบอุ่นที่สุด ตลอดทั้งปีมีเวลาโดยเฉลี่ยประมาณ 39 วันที่มีเงื่อนไขที่เหมาะสำหรับการก่อตัวของโอโซน ⁴

เนื่องจากไฟป่าเป็นแหล่งที่มาของทั้ง NO₂ และ VOCs และฤดูไฟป่าตรงกับฤดูร้อนของอินเดียในซานตาครูซเหตุการณ์ที่คาดเดาไม่ได้เหล่านี้อาจส่งผลให้โอโซนพุ่งสูงขึ้นนอกเหนือจาก PM2.5 ที่ไม่ดีต่อสุขภาพ (ซึ่งมีแนวโน้มที่จะเป็นปัญหาหลัก)

การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศคาดว่าจะเพิ่มความถี่และความรุนแรงของไฟป่าและยังเพิ่มระดับโอโซนอีกด้วยอันเป็นผลมาจากอุณหภูมิที่เพิ่มขึ้นโดยการยืดฤดูกาลโอโซนและเร่งการก่อตัวของโอโซน⁵

อย่างไรก็ตามเรื่องนี้ระดับโอโซนในซานตาครูซมักไม่เป็นปัญหาสำคัญ ในช่วงการเฝ้าติดตามปี 2559 ถึง 2561 ซานตาครูซเคาน์ตี้มีโอโซนที่ไม่ดีต่อสุขภาพเฉลี่ยเพียง 0.3 วันต่อปีซึ่งเป็นไปตามค่าเผื่อของรัฐบาลกลางที่ 3.2 วัน รายงาน“ State of the Air” ปี 2020 ให้คะแนนเขตซานตาครูซเป็น“ B” สำหรับโอโซนโดยเน้นที่การปรับปรุงเพิ่มเติมแม้จะผ่านเกรด

เพื่อที่จะปรับปรุงระดับโอโซนในซานตาครูซให้ดีขึ้นจากฉากหลังของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่เลวร้ายลงจำเป็นต้องดำเนินการเพิ่มเติม การลดความชุกของสารก่อมลพิษโดยการเปลี่ยนไปใช้ยานพาหนะที่สะอาดกว่า (เช่นรถยนต์ไฟฟ้าหรือรถยนต์ไฮบริด) พลังงานที่สะอาดกว่าและบรรเทาการคุกคามของไฟป่าผ่านกิจกรรมต่างๆเช่นการจุดไฟที่กำหนดไว้ทั้งหมดเป็นโอกาสสำคัญในการลดระดับมลพิษทางอากาศในซานตาครูซ

เหตุใดจึงมีมลพิษในซานตาครูซ

ตั้งอยู่ห่างจากซานโฮเซไปทางใต้เพียง 30 ไมล์และห่างจากซานฟรานซิสโกไปทางใต้ 75 ไมล์มลพิษทางอากาศข้ามพรมแดนจากเพื่อนบ้านที่มีเศรษฐกิจขนาดใหญ่และประชากรหนาแน่นเป็นปัญหาในเมือง คุณภาพอากาศซานตาครูซโดยเฉลี่ยสะอาดกว่าคุณภาพอากาศในซานฟรานซิสโกคุณภาพอากาศโอ๊คแลนด์และคุณภาพอากาศฟรีมอนต์แม้ว่าจะสอดคล้องกับคุณภาพอากาศในซานโฮเซ

ตามรายงานของ American Lung Association ในปี 2020“ State of the Air” พื้นที่ที่ใหญ่กว่าในซานโฮเซ - ซานฟรานซิสโก - โอ๊คแลนด์ซึ่งซานตาครูซเป็นส่วนหนึ่งได้รับการจัดอันดับให้เป็นหนึ่งในภูมิภาคที่มีมลพิษมากที่สุดในสหรัฐอเมริกาสำหรับ PM2 5 และมลพิษโอโซน. ในช่วงการเฝ้าติดตาม 2016 ถึง 2018 ภูมิภาคได้รับการจัดอันดับ:

• # 8 สำหรับวันที่มีโอโซนสูงจาก 228 ภูมิภาคที่รวมอยู่ด้วย
• # 3 สำหรับมลพิษอนุภาค 24 ชั่วโมงจาก 217 ภูมิภาคในเขตเมืองใหญ่
• # 5 สำหรับมลพิษอนุภาคประจำปีจาก 203 เขตปริมณฑล

แหล่งที่มาของการปล่อยในบริเวณอ่าว ได้แก่ การสัญจรของยานพาหนะกิจกรรมท่าเรือกระบวนการทางอุตสาหกรรมการเกษตรการเผาไม้และไฟป่า

ใช้แผนที่คุณภาพอากาศ Santa Cruz เพื่อค้นหาต้นกำเนิดของการปล่อยมลพิษโดยติดตามคุณภาพอากาศจนถึงระดับมลพิษที่หนาแน่นที่สุด

+ Article Resources

[1] American Lung Association. (2020). State of the air – 2020.
[2] Cal-Fire. (2020). - Kincade Fire.
[3] CBS San Francisco Bay Area. (2020, September 14). California wildfires: 2020 blazes burn area larger than Connecticut, Cal Fire says.
[4] Current Results. (2020). Santa Cruz temperatures: averages by month.
[5] Hill A. (2020, September 16). Why U.S. wildfires will only get worse. Council on Foreign Relations.